Header

แนวทางการรักษามะเร็งในปัจจุบัน ผ่าตัด ฉายแสง ใช้ยา มีแบบไหนบ้าง

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์

    “มะเร็ง” โรคร้ายที่คร่าชีวิตของคนไทยเป็นอันดับต้น ๆ พบได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ความน่ากลัวของโรคนี้คือกว่าที่เราจะรู้ตัวหรือมีอาการแสดงออกมาให้เห็นก็แทบจะระยะสุดท้าย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตในแต่ละปีสูงมากและยังคงเพิ่มเรื่อย ๆ
     แต่โชคดีที่การรักษามะเร็ง ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างมาก และหากตรวจพบในระยะแรก ๆ ทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตที่สูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การรักษามะเร็งแต่ละชนิดและแต่ละระยะนั้น จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดและตำแหน่งของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพร่างกายของผู้ป่วย และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  “(นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์) จากโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ” จึงได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับแนวทางการรักษามะเร็งในปัจจุบันมาฝากกันในบทความนี้

 

แนวทางการรักษามะเร็ง

1. การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด หรือ คีโม (Chemotherapy) 
เป็นการใช้ยาที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งหรือทำลายเซลล์มะเร็งเพื่อหยุดการแพร่กระจาย ของเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวเร็ว และต่อเนื่อง ทั้งบริเวณต้นตอของเชื้อและที่ลุกลามกระจายไปตามต่อมน้ำเหลือง กระแสเลือดหรืออวัยะอื่น ๆ ของร่างกาย ทำให้เซลล์ไม่สามารถแบ่งตัวต่อไปได้และตายในที่สุด
     การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด หรือ คีโม สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ การประทาน วิธีนี้จะช่วยให้การบริหารยาสะดวกมากขึ้น และลดการเข้าพักในโรงพยาบาล และวิธีการฉีดเข้าเส้นเลือด โดยการหยดร่วมกับสารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำ
     ข้อดี : กำจัดเซลล์มะเร็งในต่อมน้ำเหลือง กระแสเลือดและอวัยวะในร่างกายได้ ลดการกระจายของเซลล์มะเร็ง
     ข้อจำกัด : ไม่สามารถกำจัดก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ได้ เพราะยาเข้าไปไม่ทั่วถึงเซลล์มะเร็ง

  • ดื้อยาเคมีบำบัด
  • แม้จะออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งเป็นหลัก แต่ก็ทำลายเนื้อเยื่อดีด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่ทำให้คนไข้ไม่สุขสบายตัว

     การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ด้วยเรื่องตำแหน่งของรอยโรค ระยะของโรค รวมถึงธรรมชาติของโรคนั้น วิธีนี้จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นการรักษาเสริม ก่อนหรือหลังผ่าตัด หรือใช้ร่วมกับการฉายรังสีในมะเร็งระยะต้น เพื่อให้หายขาดจากโรคมะเร็ง

2. การรักษาด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง (Radiotherapy)
     เป็นการใช้รังสีพลังงานสูงสามารถทำลายเซลล์ได้ถึงระดับ DNA ฉายไปทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งการฉายแสงในแต่ละครั้ง เซลล์มะเร็งจะสะสมความผิดปกติของยีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากรังสีได้และเซลล์นั้นก็จะตายลง โดยแบ่งได้ 2 กลุ่มคือ การฉายรังสีรักษาระยะไกลจากภายนอก (External beam radiotherapy) การรักษาจากภายนอกไปยังอวัยวะของร่างกายที่เป็นมะเร็ง และ การฉายรังสีรักษาระยะใกล้ (Brachytherapy) ทำได้โดยการฝังแร่ หรือกินยาที่เป็นสารกัมมันตรังสีเข้าไปในก้อนมะเร็งโดยตรง หรือ ใกล้ ๆ กับก้อนมะเร็ง แล้วแร่หรือยานี้จะปล่อยกัมมันตรังสีไปทำลายเซลล์มะเร็งที่อวัยวะเป้าหมาย
     ข้อดี : หลีกเลี่ยงการผ่าตัดโดยเฉพาะในมะเร็งที่ตอบสนองดีต่อรังสี

  • เพิ่มการตอบสนองของยาเคมีบำบัดบางชนิดได้
  • บรรเทาอาการปวดจากการลุกลามของมะเร็ง โดยเฉพาะเมื่อมะเร็งกระจายไปกระดูก
  • บรรเทาภาวะเร่งด่วนบางอย่างจากมะเร็ง หากรักษาล่าช้าไปอาจเกิดผลต่อ คุณภาพชีวิต ทำให้เกิดทุพพลภาพตามมาได้ เช่น การอุดตันของท่อน้ำดี หรือมะเร็งลามกดทับไขสันหลัง
  • บรรเทาภาวะเลือดออกจากก้อนมะเร็ง ในก้อนมะเร็งมีการสร้างเส้นเลือดผิดปกติทำให้มีเลือดออกได้ง่าย เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

     ข้อจำกัด : บางช่วงชีวิตของเซลล์มะเร็งไม่ตอบสนองต่อรังสี ทำให้การฉายรังสีไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

  • มะเร็งบางระยะอาจจะดื้อรังสี ทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร

     มะเร็งบางชนิดตอบสนองต่อการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสงได้ดีจึงสามารถใช้แทนการผ่าตัดได้ แต่บางชนิดตอบสนองไม่ดี หรือมะเร็งลุกลาม จึงต้องใช้การรักษาร่วมก่อน-หลังผ่าตัด หรือให้ร่วมกับยาเคมีบำบัดปัจจุบันเทคโนโลยีการใช้รังสีรักษาพัฒนาไปมาก ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็งมากขึ้น และทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงได้รับผลกระทบน้อยลง ลดอาการข้างเคียงจากรังสีรักษาได้ดีขึ้น

3. การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) 
     เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง เพื่อยับยั้งกระบวนการส่งสัญญาณระดับเซลล์ ส่งผลยับยั้งการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ทำให้มีการตอบสนองในการรักษาสูง สามารถควบคุมโรคมะเร็งได้ยาวนานกว่า โดยสามารถรักษาได้ทั้งระยะเริ่มต้นและในระยะแพร่กระจาย ยามุ่งเป้าสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • Small- molecule drugs เป็นยาที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเป็นพิเศษ สามารถแทรกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์มะเร็ง และทำลายเซลล์มะเร็งจะภายในได้
  • Monoclonal antibodies เป็นโปรตีนสังเคราะห์ที่จะพุ่งเข้าไปจับกับเซลล์มะเร็งและทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายหรือเติบโตต่อไปไม่ได้

     ข้อดี : ส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติเพียงเล็กน้อย ผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัดหรือ คีโม (Chemotherapy)
     ข้อจำกัด : วิธีนี้ใช้ได้กับมะเร็งบางชนิดเท่านั้น

     การรักษาด้วยยามุ่งเป้าจะมีทั้งยาเม็ดและยาฉีดทางเส้นเลือด โดยสามารถรักษาโดยใช้ยามุ่งเป้าแบบเดียว หรือใช้ร่วมกับการใช้เคมีบำบัด การฉายรังสี หรือวิธีการรักษาแบบอื่น ๆ 

4. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
     เป็นหนึ่งในการรักษามะเร็งแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม โดยการให้ยาที่กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีเซลล์ที่ผิดปกติเหมือนกับเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว แต่ด้วยกลไกของร่างกายสามารถทำให้เซลล์เหล่านั้นไม่พัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็ง หรือหากหลุดรอดไปได้ก็จะมีภูมิคุ้มกันของร่างกายมาทำลายเซลล์นี้ วิธีการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดจึงเป็นวิธีที่ใช้ภูมิคุ้มกันร่างกายของเราเองเข้าไปต่อสู้กับเซลล์มะเร็งโดยตรง  ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยที่รับรองการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในการรักษามะเร็งหลาย ๆ ชนิดและกลายเป็นมาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกด้วย
ประเภทของภูมิคุ้มกันบำบัด

  • การรักษาด้วยแอนติบอดี โดยตัวแอนติบอดีจะเข้าไปออกฤทธิ์ต่อต้านมะเร็ง 
  • การรักษาด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาว นำเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยมาปรับแต่งแล้วฉีดกลับเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง
  • การรักษาด้วยการฉีดวัคซีน แต่เป็นการฉีดวัคซีนเพื่อการรักษา ไม่ใช่เพื่อการป้องกัน โดยนำเซลล์ที่ผิดปกติมาผลิตวัคซีน แล้วฉีดกลับเข้าไป เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเม็ดเลือดขาว 

     ข้อดี : มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าการใช้เคมีบำบัด และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า เป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
     ข้อจำกัด : ใช้ได้กับมะเร็งบางชนิด และการวิจัยยังมีจำกัดอยู่ 

  • ยามีราคาแพง และอาจจะได้ผลดีหรือเหมาะสำหรับคนไข้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น

     การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง ในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยที่รับรองการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งตับและทางท่อน้ำดี มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งโพรงมดลูก และมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา เป็นต้น

5. การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Hematopoietic stem cell transplantation) หรือ การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone marrow transplantation) 
     เป็นการรักษามะเร็งโดยการนำเอาเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากแหล่งกำเนิด คือ ไขกระดูก เลือด และเลือดจากสายสะดือและของรก มีทั้งการใช้เซลล์ต้นกำเนิดของตัวเอง หรือของบุคคลที่มีความเข้ากันได้ของระบบภูมิคุ้มกัน ข้อมูลในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังเป็นการรักษาโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งระบบเลือดอื่น ๆ หรือมะเร็งเซลล์สืบพันธุ์บางชนิด เป็นต้น เพื่อเข้าไปแทนที่เซลล์ที่ไม่แข็งแรงหรือเซลล์ที่ผิดปกติ
     ข้อดี : การใช้สเต็มเซลล์เป็นแนวทางการรักษามะเร็งแบบใหม่ที่มีการวิจัยกันมาอย่างยาวนานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และมีชีวิตที่ยืนยาว
     ข้อจำกัด : ใช้ได้กับมะเร็งบางชนิดเท่านั้น และเซลล์มะเร็งยังไม่แพร่เข้าไปที่ไขกระดูก

6. การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgery)
     เป็นวิธีการรักษามะเร็งเฉพาะที่ ยังไม่ลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง ปัจจุบันการผ่าตัดมีความก้าวหน้ามาก หลายอวัยวะสามารถผ่าตัดโดยไม่ทำให้เสียรูปทรง และหลีกเลี่ยงการสูญเสียอวัยวะนั้นไป เช่น มะเร็งเต้านม มีการผ่าตัดเฉพาะก้อน (Lumpectomy) ไม่ต้องตัดนมทั้งเต้า (Mastectomy) โดยรูปแบบการผ่าตัดที่นิยมใช้ในปัจจุบันแบ่งได้ดังนี้

  • การผ่าตัดแบบทั่วไป เป็นการผ่าตัดเปิดเนื้อเยื่อ มักใช้กับการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนมาก ๆ 
  • การผ่าตัดแบบส่องกล้อง เป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ลดความเจ็บปวด และฟื้นตัวได้เร็ว เหมาะกับมะเร็งระยะต้นถึงระยะปานกลาง ซึ่งทำได้ทั้งการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ และการผ่าตัดผ่านกล้องโดยใช้หุ่นยนต์ช่วย (Robotic Assisted Laparoscopic Surgery) เพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
  • การผ่าตัดแบบใช้ความเย็น (Cryoablation) เป็นการนำแท่งความเย็นแทงผ่านชั้นผิวหนังลงไปที่เซลล์มะเร็ง เหมาะกับมะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งปอด ลดความเจ็บปวด และไม่ทำลายเส้นเลือดใหญ่ 
  • การผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ (Photodiagnostic Therapy) เป็นการใช้สารเคมีร่วมกับแสงเลเซอร์เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งตาย แต่ไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียง

     ข้อดี : หากว่าเป็นมะเร็งในระยะแรก ๆ การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกจะเป็นวิธีการรักษาที่สามารถตัดก้อนมะเร็งออกได้ทั้งหมด และสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคได้
     ข้อจำกัด : หากมีเซลล์มะเร็งที่กระจายไป หรือมองไม่เห็น จะยังไม่ได้รับการกำจัดออกร่างกาย ซึ่งจะทำให้กลายเป็นมะเร็งได้อีกครั้ง

  • คนไข้ที่มีสภาวะร่างกายไม่พร้อมผ่าตัด
  • มะเร็งที่มีขนาดใหญ่มาก หากผ่าตัดออกทั้งหมด อวัยวะที่เหลือไม่เพียงพอที่จะทำงานต่อได้
  • บางตำแหน่งผ่าตัดได้ยาก และอาจสูญเสียการทำงานของอวัยวะนั้น ๆ เช่น มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นต้น

     แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นวิธีการรักษามะเร็งที่ได้ผลลัพธ์ดี แต่ก็มีผลข้างเคียงและสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วย ทำให้ในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดให้แผลมีขนาดเล็กลง เจ็บปวดน้อยลง และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น 

7. การรักษาที่เหมาะสมในมะเร็งแต่ละระยะ
     มะเร็งแต่ละระยะมีอาการและขนาดแตกต่างกัน จะบอกความรุนแรงของโรค ซึ่งโดยทั่วไปมะเร็งจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ส่วนมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็ง เป็นการตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติ แต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง แต่หากปล่อยไว้เซลล์ผิดปกตินี้อาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งในเวลาถัดมา

  • ระยะที่ 1 มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อหรือแผลมะเร็งขนาดเล็ก ตั้งแต่ 3-5 เซนติเมตร สามารถเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือตาเปล่า มะเร็งระยะนี้จะยังคงอยู่ในอวัยวะที่เกิดมะเร็งเท่านั้น ยังไม่ลุกลาม มะเร็งระยะนี้ยังมีโอกาสรักษาหาย
  • ระยะที่ 2 ลักษณะของก้อนเนื้อหรือแผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะใกล้เคียง
  • ระยะที่ 3 มะเร็งระยะที่ 3 ลักษณะของก้อนเนื้อหรือแผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าระยะที่ 2 เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ อวัยวะข้างเคียง และลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
  • ระยะที่ 4 มะเร็งระยะที่ 4 เป็นระยะลุกลามแพร่กระจาย (Metastasis) ลักษณะของก้อนเนื้อหรือแผลมะเร็งจะมีขนาดที่โตมาก อยู่ในช่วงลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง เช่น ช่องท้อง ตับ ลำไส้ ปอด หรืออาจแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบว่าต่อมน้ำเหลืองเป็นก้อนโตคลำได้ 

“ การรักษา ระยะที่ 1-3 คือการหายขาดจากโรคมะเร็ง ส่วนระยะที่ 4 จะรักษาเพื่อประคับประคองหรือควบคุมโรคไม่ให้ลุกลามมากขึ้น ”

 

 

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

     การเปิดศูนย์มะเร็งและรังสีรักษาแห่งแรกของจังหวัดศรีสะเกษ เป็นการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งในพื้นที่อย่างครบวงจร และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและระยะสุดท้าย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวศรีสะเกษ และจังหวัดใกล้เคียงโดยมุ่งเน้นไปที่
     1. การตรวจวินิจฉัยอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งนั้น เป็นโรคที่ยากและซับซ้อนจึงจะต้องตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็วจึงมีเทคโนโลยีการตรวจที่ทันสมัย เช่น

  • เครื่องฉายรังสี Vital Beam เป็นนวัตกรรมเครื่องฉายรังสีที่ใช้กระแสไฟฟ้าผลิตรังสีเอกซ์พลังงานสูงเพื่อให้ฉายรังสีแบบเจาะจงไปที่ตำแหน่งเซลล์มะเร็ง ทำลายก้อนมะเร็ง ในขณะที่เนื้อเยื่อข้างเคียงได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
  • เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สําหรับจําลองการรักษา (CT-Simulator) เป็นเครื่องจําลองการรักษาที่สามารถสร้างภาพเป็น ลักษณะ 3 มิติเห็นการซ้อนทับของอวัยวะภายในร่างกายได้ 
  • เครื่องดิจิทัลแมมโมแกรม (Digital Mammogram) เครื่องตรวจหามะเร็งเต้านม สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะแรกก่อนแสดงอาการ
  • ตรวจอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) เครื่องตรวจด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง สะท้อนไปที่อวัยวะภายในที่ต้องการแล้วแปลงเป็นสัญญาณภาพ ซึ่งสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคของแพทย์ได้
  • เครื่องเอกซเรย์ระบบดิจิตอล (Digital Radiography) เครื่องมือการถ่ายภาพรังสีโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วมในการสร้างภาพ เพื่อศึกษาระดับความทึบต่าง ๆ เช่น เนื้อเยื่อ หรือกระดูก
  • เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 128 สไลค์ (Computed tomography, CT Scan 128 Slice) เป็นเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง เครื่องนี้มีโปรแกรมช่วยลดปริมาณรังสี ทำให้ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีน้อยลงกว่า CT SCAN ที่ใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

     2. ความชำนาญของทีมแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความชำนาญในการรักษามะเร็ง และสามารถแปลผลการตรวจได้อย่างแม่นยำ

     3. การวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยมีการวางแผนการรักษาร่วมกับทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง เช่น อายุรแพทย์ด้านโรคมะเร็ง ศัลยแพทย์ด้านโรคมะเร็ง พยาธิแพทย์ รังสีแพทย์ เจ้าหน้าที่ห้อง lab และเภสัชกร เพื่อหาวิธีการรักษาร่วมกัน ในการวางแผนและตัดสินใจเลือกแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย 
     4. ช่องทางการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย

  • การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งทุกชนิด (Cancer Screening) และการวินิจฉัยโรคมะเร็ง (Diagnosis)
  • การรักษาด้วยรังสีรักษา (Radiation therapy) 
  • รักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
  • รักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
  • การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Palliative Care)

     5. การติดตามผลการรักษา จะมีการติดตามและเฝ้าระวังเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่ทำการรักษาจนครบแล้ว

     การรักษามะเร็งในปัจจุบันมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในทุก ๆ ด้าน ทั้งการผ่าตัดที่มีการพัฒนาเทคนิคที่เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาในการควบคุมมะเร็งสูงขึ้น แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง ผู้ป่วยฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้เร็วขึ้น และการฉายรังสีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีผลข้างเคียงลดลง และในปัจจุบันยังสามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้ หากตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ด้วยทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง
     และสำหรับคนที่มีความเสี่ยง หรืออายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างละเอียด เพื่อให้เราได้ทราบสภาพร่างกายของเรา รวมทั้งสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคร้ายที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างถูกต้อง ลดความกังวลในเรื่องสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตของเราให้กับตัวเอง และอยู่กับคนที่รักไปนาน ๆ

 

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์  (อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ)
ข้อมูล ณ เดือน พฤศจิกายน 2567



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์มะเร็งครบวงจร ศรีสะเกษ โรงพยาบาลพริ้นซ์ศรีสะเกษ

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

สถานที่

เวลาทำการ

เบอร์ติดต่อ

045-96-8888

แพทย์ประจำศูนย์

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์

อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

แพทย์หญิง สุภัชชา เขียวหวาน

รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

แพทย์หญิง กฤติกา โภคสวัสดิ์

รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

รวมทุกข้อควรรู้ ผ่าตัดรักษามะเร็ง ทางเลือกในการรักษามะเร็ง

ผ่าตัดรักษามะเร็ง ทางเลือกในการรักษามะเร็ง รวมทุกข้อควรรู้? โรคมะเร็งหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประชากรโลก รวมถึงในประเทศไทย เมื่อพูดถึงโรคมะเร็ง หลายคนมักจะมองเป็นโรคที่น่ากลัวและร้ายแรงที่หมดทางรักษา แต่รู้หรือไม่? มะเร็งเป็นกลุ่มโรคที่มีหลายชนิด หลายระยะ หากพบเร็วตั้งแต่เนิ่นๆ มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
รวมทุกข้อควรรู้ ผ่าตัดรักษามะเร็ง ทางเลือกในการรักษามะเร็ง

ผ่าตัดรักษามะเร็ง ทางเลือกในการรักษามะเร็ง รวมทุกข้อควรรู้? โรคมะเร็งหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประชากรโลก รวมถึงในประเทศไทย เมื่อพูดถึงโรคมะเร็ง หลายคนมักจะมองเป็นโรคที่น่ากลัวและร้ายแรงที่หมดทางรักษา แต่รู้หรือไม่? มะเร็งเป็นกลุ่มโรคที่มีหลายชนิด หลายระยะ หากพบเร็วตั้งแต่เนิ่นๆ มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
บำบัดรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง คืออะไร

บำบัดรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง คืออะไร? การฉายรังสีรักษา หรือที่เรียกกันว่า การฉายแสง เป็นวิธีการบำบัดรักษาโรคมะเร็งที่ใช้รังสีความเข้มสูงในการทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการฉายรังสีนี้สามารถใช้ในการรักษามะเร็งได้หลายชนิด ทั้งในกรณีที่มะเร็งยังไม่แพร่กระจาย (มะเร็งในระยะต้น) และกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

บำบัดรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง คืออะไร

บำบัดรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง คืออะไร? การฉายรังสีรักษา หรือที่เรียกกันว่า การฉายแสง เป็นวิธีการบำบัดรักษาโรคมะเร็งที่ใช้รังสีความเข้มสูงในการทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการฉายรังสีนี้สามารถใช้ในการรักษามะเร็งได้หลายชนิด ทั้งในกรณีที่มะเร็งยังไม่แพร่กระจาย (มะเร็งในระยะต้น) และกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

ยามุ่งเป้า นวัตกรรม และทางเลือกใหม่เพื่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง

รักษามะเร็ง มุ่งเป้า? มะเร็ง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุในการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าความจริงเป็นโรคที่รู้ตัวเร็วก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งกันก่อนครับ ซึ่งมะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะ ทำให้มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็วกว่าระดับปกติ จึงทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็เกิดการแพร่กระจายสู่อวัยวะอื่นในร่างกายได้ทุกส่วน ซึ่งมะเร็งมีมากกว่า 100 ชนิด และแต่ละชนิดก็มีการกำเนิดที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นการรักษาจึงแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็นจุดเกิด และชนิดของเซลล์มะเร็ง

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ยามุ่งเป้า นวัตกรรม และทางเลือกใหม่เพื่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง

รักษามะเร็ง มุ่งเป้า? มะเร็ง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุในการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าความจริงเป็นโรคที่รู้ตัวเร็วก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งกันก่อนครับ ซึ่งมะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะ ทำให้มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็วกว่าระดับปกติ จึงทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็เกิดการแพร่กระจายสู่อวัยวะอื่นในร่างกายได้ทุกส่วน ซึ่งมะเร็งมีมากกว่า 100 ชนิด และแต่ละชนิดก็มีการกำเนิดที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นการรักษาจึงแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็นจุดเกิด และชนิดของเซลล์มะเร็ง

นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม