รวมทุกข้อควรรู้ ผ่าตัดรักษามะเร็ง ทางเลือกในการรักษามะเร็ง
โรคมะเร็งหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประชากรโลก รวมถึงในประเทศไทย เมื่อพูดถึงโรคมะเร็ง หลายคนมักจะมองเป็นโรคที่น่ากลัวและร้ายแรงที่หมดทางรักษา แต่รู้หรือไม่? มะเร็งเป็นกลุ่มโรคที่มีหลายชนิด หลายระยะ หากพบเร็วตั้งแต่เนิ่นๆ มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าอย่างมากทำให้มีวิธีการรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพที่ดีขึ้นหลายวิธีทั้งการผ่าตัดรักษามะเร็ง ที่มีการพัฒนาสามารถผ่าตัดแผลเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นสั้นลง เจ็บปวดน้อยลง รวมทั้งวิธีอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ยามุ่งเป้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง หรือการฉายรังสีรักษาที่ใช้รังสีพลังงานสูงฉายไปทำลายเซลล์มะเร็ง การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น ในบทความนี้ “นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ จากโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ” ได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งที่ปัจจุบันมีการพัฒนาไปอย่างมาก มีหลายวิธี เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจกันมากขึ้น
การรักษาด้วยการผ่าตัด คืออะไร
การรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัด ในปัจจุบันยังถือเป็นมาตรฐานในการรักษาโรคมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือ มะเร็งอยู่เฉพาะที่ยังไม่กระจายไปยังอวัยวะอื่น จึงสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด แต่ในบางกรณีที่มะเร็งมีขนาดใหญ่ หรือมะเร็งลุกลามมาก และไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ในตอนแรก แพทย์อาจต้องให้รับการรักษาด้วยวิธีอื่นก่อนให้ก้อนมะเร็งยุบลง หรือควบคุมไม่ให้เซลล์ลุกลามแล้วค่อยไปผ่าตัดรักษา
ซึ่งวิธีการผ่าตัดนั้นแพทย์จะผ่าตัดเอาเนื้องอกหรือก้อนมะเร็งออกให้หมด ในบางครั้งจำเป็นต้องผ่าเอาเนื้อดีรอบๆ เนื้องอกออกไปด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าได้ตัดเนื้องอกออกทั้งหมดจึงต้องส่งชิ้นเนื้อรอบๆ เนื้องอกเพื่อส่องกล้องว่ามีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่
โดยเป้าหมายของการผ่าตัดมะเร็งมีดังต่อไปนี้
1. การวินิจฉัย : ในกรณีที่มีก้อนที่สงสัย หรือเนื้องอกไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในร่างกาย ก่อนที่จะเริ่มให้การรักษาแพทย์ต้องรู้ว่าก้อนนั้นเป็นอะไร เป็นเนื้องอกธรรมดา หรือเนื้อร้าย การผ่าเอาชั้นเนื้อส่งตรวจจะทำให้แพทย์ทราบการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงหรือไม่ และเป็นมะเร็งชนิดไหนเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
2. การรักษา : การผ่าตัดรักษามะเร็งที่อยู่เฉพาะที่ หรือมะเร็งในระยะแรก ยังไม่มีการลุกลามพื่อผลทางการรักษา ในส่วนของแพทย์จะผ่าเพื่อนำเนื้อร้าย หรือสงสัยว่าเป็นเนื้อร้ายออกจากร่างกายให้มากที่สุด รวมทั้งต่อมน้ำเหลือง หรือเนื้อเยื่อที่ใกล้เคียงกันออก
3. การผ่าเพื่อบอกระยะของโรค : การรักษามะเร็งต้องรู้ระยะของโรคเพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม การผ่าตัดนี้ส่วนใหญ่จะทำพร้อมกับการผ่าตัดเพื่อรักษา
4. การผ่าตัดเพื่อซ่อม : หลังจากที่เราตัดมะเร็งออกไปแล้วอาจจะทำให้อวัยวะบางอย่างถูกตัดไปด้วย หรืออาจจะผ่าตัดตกแต่ง เช่น มะเร็งเต้านม เป็นต้น
ประเภทของการผ่าตัดรักษามะเร็ง
ปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดที่หลากหลายทำให้ไม่ต้องตัดอวัยวะ และไม่ทำให้เสียรูปทรง เช่น การผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้า เป็นต้น
- การผ่าตัดแบบทั่วไป เป็นการผ่าตัดเปิดเนื้อเยื่อ มักใช้กับการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 7-14 วัน
- การผ่าตัดแบบส่องกล้อง เป็นการผ่าตัดโดยการเจาะผ่านช่องท้องหรือผิวหนังใกล้บริเวณอวัยวะที่ต้องการผ่าตัด และสอดอุปกรณ์ผ่าตัดกล้องขนาดเล็กเข้าไปเพื่อส่งมายังจอรับและบันทึกภาพขณะผ่าตัด ซึ่งกล้องทำหน้าที่แทนตาของศัลยแพทย์ทำให้การผ่าตัดสะดวกขึ้นเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ลดความเจ็บปวด และฟื้นตัวได้เร็ว เหมาะกับมะเร็งระยะต้นถึงระยะปานกลาง
- การผ่าตัดแบบใช้ความเย็น (Cryoablation) เป็นการนำแท่งความเย็นแทงผ่านชั้นผิวหนังลงไปที่เซลล์มะเร็งโดยการใช้อุณหภูมิต่ำกว่า -40 องศาเซลเซียส ภายใน 1 นาที ใช้เวลาผ่าตัด 30 นาที ก็สามารถสลายก้อนมะเร็งได้ วิธีนี้ช่วยลดความเจ็บปวด และไม่ทำลายเส้นเลือดใหญ่ อีกทั้งลดโอกาสการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งที่เกิดจากการผ่าตัดให้น้อยลงได้อีกด้วย
- การผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ (Photodiagnostic Therapy) เป็นการใช้สารเคมีร่วมกับแสงเลเซอร์เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งตาย แต่ไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียง เป็นหนึ่งในวิธีการผ่าตัดแบบแผลเล็กที่ช่วยลดความเจ็บปวดและระยะเวลาในการฟื้นตัวของผู้ป่วย
การผ่าตัดมะเร็งที่พบบ่อย
การผ่าตัดมะเร็งแม้จะเป็นวิธีที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มีผลข้างเคียงลดลง ไม่ต้องสูญเสียอวัยวะเหมือยอย่างในอดีต แต่หากมีเซลล์มะเร็งที่กระจายไป หรือมีเซลล์ที่มองไม่เห็น ยังไม่ได้รับการกำจัดออกร่างกาย ซึ่งเมื่อระยะเวลาผ่านไปจะทำให้กลายเป็นมะเร็งได้อีกครั้ง สำหรับมะเร็งที่สามารถผ่าตัดได้มีดังนี้
- การผ่าตัดมะเร็งตับ
- การผ่าตัดมะเร็งศีรษะและคอ
- การผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบตัดเต้านมทั้งหมด และการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม
- การผ่าตัดมะเร็งปากมดลูก
- การผ่าตัดก้อนมะเร็งที่สมอง
- การผ่าตัดมะเร็งกระดูก
- การผ่าตัดปอดบางส่วน
- การผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหาร
- การผ่าตัดมะเร็งรังไข่ หรือมดลูก
- การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่
กระบวนการเตรียมตัวและการฟื้นตัวหลังการผ่าตัดมะเร็ง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดรักษามะเร็ง
1.มีความตั้งใจแน่วแน่ ทำจิตใจให้สบาย พร้อมรับการผ่าตัด และมั่นใจในแผนการรักษาที่จะได้รับ
2.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบทั้ง 5 หมู่ โปรตีนจากสัตว์ ปลา ไข่ นม ผัก ผลไม้ ฯลฯ
3.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
4.ควรดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้วต่อวัน ยกเว้นในรายที่มีภาวะไตเสื่อม และภาวะน้ำท่วมปอด
5.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง/วัน
6.ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 15 นาที
7.รักษาความสะอาดทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
การดูแลหลังการผ่าตัดรักษามะเร็ง
1.ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด หากพบอาการผิดปกติควรรีบแจ้งแพทย์ทันที เช่น รู้สึกเหนื่อย แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกมากขึ้น มีเลือดไหลออกไม่หยุดจากแผล เป็นต้น
2.การทำความสะอาดแผลผ่าตัดในระยะนี้ จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์และพยาบาล โดยจะต้องระมัดระวังในเรื่องความสะอาดปราศจากเชื้อให้มากที่สุด ส่วนในรายละเอียดของเทคนิควิธีการทำแผลก็จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งที่ทำการผ่าตัด
3.การออกกำลังจะช่วยให้กลับสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น สำหรับการผ่าตัดทั่วๆ ไปหลังผ่าตัดประมาณวันที่ 3–4 แพทย์จะอนุญาตให้ผู้ป่วยเดินรอบเตียงได้ และให้เดินไปห้องน้ำเอง หลังผ่าตัดประมาณวันที่ 7–10 ผู้ป่วยจะได้รับการฝึกหัดเดินขึ้นบันได 1 ชั้น
ข้อดีและข้อเสียของการผ่าตัดมะเร็ง
ข้อดีของการรักษาด้วยการผ่าตัด
- การกำจัดเซลล์มะเร็งอย่างรวดเร็ว : การผ่าตัดสามารถกำจัดเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งได้โดยตรงและรวดเร็ว ทำให้มีโอกาสลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
- ลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของมะเร็ง : โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งอยู่ในระยะแรก การผ่าตัดช่วยลดโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
- เพิ่มโอกาสในการหายขาด : สำหรับบางประเภทของมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปอด การผ่าตัดสามารถเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยหายขาดได้หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
ข้อเสียหากใช้การผ่าตัดรักษามะเร็ง
หากมีเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะใกล้เคียง หรือมองไม่เห็น จะยังไม่ได้รับการกำจัดออกร่างกายจะทำให้กลายเป็นมะเร็งได้อีกครั้ง และหากมะเร็งที่มีขนาดใหญ่มากหากผ่าตัดออกทั้งหมด อวัยวะที่เหลือไม่เพียงพอที่จะทำงานต่อได้ หรือบางตำแหน่งผ่าตัดได้ยาก และอาจสูญเสียการทำงานของอวัยวะนั้นๆ เช่น มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นต้น
การผ่าตัด vs. การรักษามะเร็งประเภทอื่นๆ
การผ่าตัดรักษามะเร็งเป็นวิธีที่กำจัดมะเร็งเฉพาะที่ หรือมะเร็งระยะเริ่มต้นออกได้ทั้งหมด และด้วยปัจจุบันการผ่าตัดมีความก้าวหน้ามาก หลายอวัยวะสามารถผ่าตัดโดยไม่ทำให้เสียรูปทรง และหลีกเลี่ยงการสูญเสียอวัยวะนั้นไป เช่น มะเร็งเต้านมมีการผ่าตัดเฉพาะก้อนไม่ต้องตัดนมทั้งเต้าแบบในอดีต, มะเร็งกระดูกของกระดูกต้นขาสามารถผ่าตัดเก็บรักษาขาได้โดยไม่ต้องตัดขา แต่วิธีนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่และมีอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังหารผ่าตัดได้เช่น อาการเจ็บปวดหลังผ่าตัด และหากมะเร็งมีการลุกลามการผ่าตัดอย่างเดียวอาจยังไม่พอแพทย์ต้องพิจารณาวิธีอื่นร่วมกับการผ่าตัดด้วยเช่น การใช้ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) และการให้เคมีบำบัด (Chemotherapy) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดเซลล์มะเร็ง แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งก่อน แล้วตามด้วยการใช้ยาหรือรังสีบำบัดเพื่อลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ
คำถามที่พบบ่อยเรื่องการผ่าตัดกับผู้ป่วยมะเร็ง
Q : ผ่าตัดรักษามะเร็งหายขาดหรือไม่
A : การผ่าตัดมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งในระยะเริ่มต้น ยังไม่มีการแพร่กระจายจะสามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้ แต่ในบางกรณีที่มะเร็งมีขนาดใหญ่ หรือมีบางเร็งบางชนิดมีการแพร่กระจายโดยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นอาจจะจำเป็นต้องให้เคมีหรือฉายแสงฆ่าเซลล์มะเร็งส่วนที่ตัดออกไม่หมด
Q : ระยะเวลาการผ่าตัด
A : เวลาในการผ่าตัดขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส โดยปกติการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2-4 ชม
Q : ผ่าตัดมีผลต่อการกระจายของเซลล์มะเร็งจริงหรือไม่
A : การผ่าตัดอาจกระตุ้นปฏิกริยาในร่างกายที่กระตุ้นการเติบโตของเซลล์ปกติ และเซลล์มะเร็งได้ แต่การกระตุ้นให้เซลล์โตขึ้นนั้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของบาดแผล และเชื้อที่ยังเหลืออยู่ในร่างกาย แต่การผ่าตัดนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นในการวินิจฉัยและการรักษา ซึ่งการผ่าตัดที่ถูกต้อง และทันเวลา ทำให้มีโอกาสรักษามะเร็งให้หายขาดได้
ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ
ศูนย์รักษามะเร็งอย่างครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง ดูแลผู้ป่วยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและระยะสุดท้าย ให้บริการตั้งแต่
- การตรวจวินิจฉัย (Diagnosis)
- ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งทุกชนิด (Cancer Screening)
- การรักษาด้วยรังสีรักษา (Radiation therapy)
- รักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
- รักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
- การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Palliative Care)
การผ่าตัดรักษามะเร็งเป็นทางเลือกที่สำคัญในการรักษามะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งยังอยู่ในระยะแรกและสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรพิจารณาข้อดีและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมตามสภาพของตัวเอง การผ่าตัดยังคงเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
นพ.ธนา ปฏิมารัตนานันท์ แพทย์เฉพาะทางมะเร็ง โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ
ข้อมูล ณ เดือน ตุลาคม 2567
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ
สถานที่
เวลาทำการ
เบอร์ติดต่อ
045-96-8888