Header

บำบัดรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง คืออะไร

ฉายแสง โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

      “โรคมะเร็ง” เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนทั่วโลก ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้มีแนวทางการรักษามะเร็งที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการหายจากโรคมะเร็งยืดอายุผู้ป่วย รวมถึงลดความเจ็บปวด และมีผลข้างเคียงของการรักษาลดลง แนวทางการรักษามะเร็งในปัจจุบันแบ่งออกเป็นหลายวิธีหลัก ได้แก่ การผ่าตัด ฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง การให้เคมีบำบัด การใช้ยามุ่งเป้า  และ อื่น ๆ หรืออาจจะต้องใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษา ซึ่งแต่ละวิธีนั้นมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และการเลือกวิธีรักษายังมีปัจจัยอีกหลายอย่างทั้งชนิดและตำแหน่งของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพความพร้อมของผู้ป่วยอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้ (แพทย์หญิง สุภัชชา เขียวหวาน) จากโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ ได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสงเพื่อให้ทุกท่านเข้าใจมากขึ้น และสำหรับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาได้มีการเตรียมตัวการดูแลตัวเองทั้งก่อนเข้ารับการรักษาและหลังการรักษา

 

 

การรักษาด้วยฉายรังสี หรือ การฉายแสงคืออะไร

     การรักษาด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง (Radiotherapy) เป็นวิธีการใช้รังสีพลังงานสูงฉายไปทำลายเนื้องอกทั้งชนิดเซลล์มะเร็ง และไม่ใช่เซลล์มะเร็ง ผลจากการได้รับรังสีนั้นจะเกิดได้กับเซลล์ปกติและเซลล์ที่ผิดปกติ ในเซลล์ปกติจะสามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากรังสีได้ โดยเซลล์สามารถมีชีวิตอยู่รอดและเจริญเติบโตต่อไปได้ ในส่วนของเซลล์ที่ผิดปกตินั้นจะสะสมความผิดปกติของยีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากรังสีได้และเซลล์นั้นก็จะตายลง ซึ่งคนไข้แต่ละรายจะใช้ปริมาณรังสีไม่เท่ากัน จำนวนครั้งการฉายไม่เท่ากัน และเทคนิคไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง ชนิดของมะเร็ง และสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละท่าน

     รังสีรักษา หรือ การฉายแสงเพื่อทำลายดีเอ็นเอ (DNA) ของเซลล์มะเร็งมีจุดประสงค์ 2 อย่างสำคัญคือ

  • เพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรค ใช้ปริมาณรังสีที่สูงที่สุดเพื่อให้รังสีไปทำลายเซลล์มะเร็ง และมีผลข้างเคียงที่น้อยที่สุด
  • การรักษาแบบประคับประคอง ใช้ปริมาณรังสีน้อยกว่าการรักษาเพื่อหายขาดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากมะเร็ง และทำให้ผู้ป่วยรวมถึงคนรอบข้างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในกรณีนี้มักเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

 

ประเภทของการฉายรังสี

การรักษาด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
     1. การฉายรังสีรักษาระยะไกลจากภายนอก (External beam radiotherapy) เป็นการฉายรังสีจากภายนอกไปยังอวัยวะของร่างกายที่เป็นมะเร็ง โดยมีหลักการคือบริเวณก้อนมะเร็งต้องได้รับปริมาณรังสีสูงที่สุด แต่ผลข้างเคียงต่ออวัยวะ อื่น ๆ จะต้องได้รับปริมาณรังสีน้อยที่สุด ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นวิธีการฉายรังสีที่พบได้มากที่สุดในงานทางรังสีรักษา
     2. การฉายรังสีระยะใกล้ (Brachytherapy) เป็นการฝังแร่ ที่เป็นสารกัมมันตรังสีเข้าไปให้อยู่ใกล้กับบริเวณก้อนมะเร็ง เพื่อให้ปริมาณรังสีมีมากพอที่ก้อนมะเร็งที่ต้องการฉาย และปริมาณรังสีลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อห่างจากก้อนมะเร็ง เพื่อให้อวัยวะข้างเคียงได้รับรังสีในปริมาณที่น้อย และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยก่อนจะใส่เข้าไปในร่างกายผู้ป่วยแพทย์จะวางแผนการรักษา คำนวณตำแหน่งและเวลาในการฉายรังสี ร่วมกับการใช้เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์หรือ อัลตร้าซาวด์ ในการช่วยการระบุตำแหน่ง วิธีนี้มักใช้บริเวณที่สามารถใส่แร่และสามารถนำออกมาได้ เพื่อไม่ให้มีรังสีตกค้างในตัวผู้ป่วย เช่น ศีรษะและลำคอ บริเวณปากมดลูก ต่อมลูกหมาก เต้านม

 

ประสิทธิภาพของการฉายรังสี หรือ การฉายแสงในการรักษามะเร็ง

     วิธีการฉายรังสี หรือ การฉายแสงเป็นวิธีที่พบได้บ่อย เพราะมะเร็งบางชนิดตอบสนองต่อการใช้รังสีหรือการฉายแสงได้ดี จึงทำให้สามารถใช้วิธีรังสีรักษาแทนการผ่าตัดได้ แต่ในมะเร็งบางชนิดตอบสนองต่อการรักษาด้วยรังสี หรือการฉายแสงได้ไม่ดี จึงใช้การรักษาร่วมทั้งก่อนหรือหลังผ่าตัด หรือให้ร่วมกับยาเคมีบำบัด 
     ในปัจจุบันเทคโนโลยีการใช้รังสีรักษาพัฒนาไปมาก ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น และทำให้อวัยวะข้างเคียงได้รับผลกระทบน้อยลง ลดอาการข้างเคียงจากรังสีรักษาได้ดีขึ้น

 

ขั้นตอนการฉายรังสี หรือ การฉายแสง

     ก่อนการฉายรังสี หรือ การฉายแสง แพทย์จะให้ผู้ป่วยเตรียมตัวจำลองการรักษาด้วยเครื่องจำลองการรักษา/เครื่องจำลองภาพ (CT Simulator) เพื่อกำหนดขอบเขตบริเวณของรังสีและเทคนิคที่จะให้การรักษาได้ถูกต้อง และถ่ายภาพเอ็กซเรย์เพื่อกำหนดขอบเขตบริเวณที่รักษา จากนั้นจะวาดเส้นขอบเขตลงบนผิวหนังของผู้ป่วย บริเวณศีรษะและใบหน้าอาจจะต้องทำหน้ากาก (Mask) เพื่อมิให้มีรอยขีดบนใบหน้า เวลาในการจำลองการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง โดยทั่วไป จะฉายรังสี วันละ 1 ครั้ง 5 วันต่อสัปดาห์ หยุดพัก 2 วัน แล้วเริ่มต้นใหม่ เพื่อให้เซลล์ส่วนปกติได้ซ่อมแซม เวียนไปจนครบปริมาณรังสีตามแพทย์กำหนด
     การฉายรังสี หรือ การฉายแสงในการรักษามะเร็ง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของบริเวณที่ต้องการฉายรังสี

  • บริเวณศีรษะและลำคอ :  เพื่อรักษามะเร็งสมอง มะเร็งในโพรงจมูกและไซนัส มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งในช่องปาก มะเร็งในลำคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งต่อมน้ำลายและไทรอยด์เป็นต้น ในระหว่างการฉายแสงผู้ป่วยจะโดนจัดตำแหน่งบริเวณศีรษะถึงลำคอให้อยู่นิ่งกับที่ นักรังสีจะใช้เวลาฉายประมาณ 2-10 นาที ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉาย โดยเวลาทั้งหมดของขั้นตอนนี้ประมาณ 15-30 นาที ทำการฉายติดต่อกันสัปดาห์ละ 5 วัน จำนวนครั้งในการฉายจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และระยะของมะเร็ง
  • บริเวณทรวงอก เพื่อรักษามะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งระบบน้ำเหลือง มะเร็งเต้านมเป็นต้น ในระหว่างการฉายแสงผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้ตำแหน่งในการฉายรังสีคลาดเคลื่อน ผู้ป่วยสามารถหายใจได้ตามปกติ โดยนักรังสีใช้เวลาฉายประมาณ 2-10 นาที ใช้เวลาของขั้นตอนทั้งหมดประมาณ 20-30 นาที จำนวนครั้งในการฉายจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และระยะของมะเร็ง 
  • บริเวณช่องท้อง เพื่อรักษามะเร็งที่กระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต และมะเร็งระบบน้ำเหลืองในช่องท้อง ในระหว่างการฉายแสงผู้ป่วยต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ ท่าตรง หายใจตามจังหวะปกติ นักรังสีใช้เวลาฉายประมาณ 2-10 นาที ใช้เวลาของขั้นตอนทั้งหมดประมาณ 20-30 นาที จำนวนครั้งในการฉายจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และระยะของมะเร็งเช่นกัน
  • บริเวณท้องน้อย เพื่อรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งมดลูก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งต่อมลูกหมาก ในระหว่างการฉายแสงผู้ป่วยต้องนอนในท่าตรง นิ่ง ๆ หายใจตามจังหวะปกติ นักรังสีทำการฉายรังสีในบริเวณที่วางแผนไว้ ในบางรายผู้ป่วยจำเป็นต้องดื่มน้ำมาก ๆ และกลั้นปัสสาวะไว้ก่อนเพื่อลดผลข้างเคียงที่จะเกิดกับลำไส้เล็ก ยกเว้นผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะจะต้องปัสสาวะก่อนการฉายรังสี ในขั้นตอนการฉายรังสีใช้เวลาฉายประมาณ 2-10 นาที ใช้เวลาของขั้นตอนทั้งหมดประมาณ 20-30 นาที จำนวนครั้งในการฉายจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และระยะของมะเร็ง

 

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉายแสง

  • รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เช่น  โปรตีนจากสัตว์  ปลา  ไข่  นม  ผัก ผลไม้ ฯลฯ ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งมักได้รับผลข้างเคียงจากการรักษาทำให้รู้สึก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร การรับรสอาหารเปลี่ยนไป ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง เสี่ยงติดเชื้อง่ายขึ้น
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง/วัน เพราะการนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายปรับสมดุล และซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ
  • ลดการสัมผัสกับสารพิษ ควรล้างมือให้สะอาด และลดการได้รับสารพิษจากอาหาร โดยล้างผักผลไม้ให้สะอาด อาหารต้องปรุงสุก สะอาด รวมถึงลดการสัมผัสสารพิษในสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM 2.5 
  • ดูแลรักษาความสะอาดทั่วไปของร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

 

การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการฉายรังสี

  • ห้ามลบเส้นบริเวณที่ฉายรังสีที่แพทย์ขีดไว้ เพราะถ้าเส้นลบแพทย์จะต้องขีดใหม่ ทำให้เสียเวลาในการรักษา
  • ผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสี ควรล้างด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และควรใช้ผ้าเช็ดตัวที่ อ่อนนุ่มซับบริเวณที่ฉายรังสี หลีกเลี่ยงการขัดถู
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะ อาจมีอาการผมร่วง ไม่ควรสระผม ถ้ารู้สึกคันศีรษะ อาจใช้น้ำมันมะกอกทา ส่วน อาการผมร่วง ผมจะขึ้นใหม่ได้ภายหลังการรักษาสิ้นสุดแล้ว 2-3 เดือน
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณลำคอ ผิวหนังอาจมีสีแดง แห้งตึง เกิดอาการคัน ดำคล้ำ และตกสะเก็ด หรือแตกเป็นแผล ห้ามถู แกะ เกา
  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด หรือการสัมผัสบริเวณที่ฉายรังสีโดยตรงกับความร้อนหรือความเย็น หากต้องโดนแดดให้ทาครีมกันแดดป้องกันโดยใช้ SPF 30% ขึ้นไป
  • ห้ามวางกระเป๋าน้ำร้อน น้ำแข็งบริเวณที่ฉายรังสี ห้ามปิดพลาสเตอร์ ทายาหม่อง บริเวณที่ฉายรังสี
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม แป้ง โลชั่น เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

 

ผลข้างเคียงของการฉายรังสี

     ผลข้างเคียงจากการรักษาพบได้แต่เริ่มเข้ารับการฉายรังสี ไปจนถึงภายใน 8 สัปดาห์หลังการฉายรังสี ซึ่งจะเกิดขึ้นในบริเวณที่ได้รับรังสี เช่น การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ผิวหนังแห้งตึง ดำคล้ำ เกิดอาการคัน บริเวณศีรษะมีผมร่วง เกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร  ภูมิต้านทานต่ำจากเม็ดเลือดขาวลดจำนวนลง เป็นต้น ผลข้างเคียงเรื้อรัง มักเกิดขึ้นหลังได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีเสร็จสิ้นไปแล้วนานหลายเดือนจนถึงหลายปี เกิดจากการฉายรังสีทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดฝอย เช่น ถ้าฉายรังสีบริเวณอุ้งเชิงกรานจะมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือลำไส้อักเสบแบบเรื้อรัง

 

การฉายรังสี vs. การรักษามะเร็งประเภทอื่น ๆ

      การฉายรังสีเป็นการใช้รังสีพลังงานสูงสามารถทำลายเซลล์ได้ถึงระดับ DNA ฉายไปทำลายเซลล์มะเร็ง เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดโดยเฉพาะในมะเร็งที่ตอบสนองดีต่อรังสี และในบางครั้งแพทย์พิจารณาการฉายรังสีเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด หรือภาวะเร่งด่วนบางอย่างจากมะเร็ง หากรักษาล่าช้าไปอาจเกิดผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ แต่ในมะเร็งบางชนิดการฉายรังสีอย่างเดียวอาจจะไม่พอ หรือมะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ทำให้ต้องพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย ทั้งการรักษาร่วมก่อน-หลังผ่าตัด หรือให้ร่วมกับยาเคมีบำบัด
     ทั้งนี้การรักษาโรคมะเร็งในแต่ละชนิดมีความจำเพาะเจาะจงสูง ผู้ป่วยควรรีบปรึกษาและวางแผนการรักษากับแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและมีโอกาศหายจากโรคมะเร็ง หรือลดผลค้างเคียงจากมะเร็งได้เยอะที่สุด

 

คำถามที่พบบ่อยเรื่องการฉายแสงกับผู้ป่วยมะเร็ง

Q : ฉายแสงกี่ครั้ง
A : ขึ้นกับชนิดของโรคและแผนการรักษาของแพทย์  โดยช่วงเวลาฉายนั้นจะทำสัปดาห์ละ 5 วัน หยุด 2 วัน ฉายแสงติดต่อกันทั้งสิ้นประมาณ 4-8 สัปดาห์ 


Q : ฉายแสงครั้งละกี่บาท
A : ค่าบริการ การฉายแสงขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือกใช้ และชนิดของมะเร็ง


Q : ฉายแสงมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
A : การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ผิวหนังแห้งตึง ดำคล้ำ เกิดอาการคัน บริเวณศีรษะมีผมร่วง เกิดอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร  ภูมิต้านทานต่ำจากเม็ดเลือดขาวลดจำนวนลง อาการไอ เจ็บคอ เยื่อบุภายในช่องปากอักเสบ ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวเกิดระหว่างฉายรังสี


Q : ฉายแสงแล้วผมจะร่วงไหม
A : หากฉายแสงบริเวณศีรษะ อาจทำให้ผมร่วง แต่ผมจะขึ้นใหม่ได้ภายหลังการรักษาสิ้นสุดแล้ว 2-3 เดือน


Q : หลังฉายแสงอาบน้ำได้ไหม
A : สามารถอาบน้ำได้ แต่อุณหภูมิน้ำต้องไม่ร้อน ไม่เย็นเกินไป แรงดันน้ำต้องไม่สูง และต้องเช็ดตัวอย่างเบามือ


Q : ค่าใช้จ่ายในการฉายแสง
A : ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง รวมถึงวิธีที่เลือกใช้ และจำนวนของการฉายแสง ซึ่งค่าใช้จ่ายโดยปกติอยู่ที่ 300,000 - 900,000 บาท

 

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

     สามารถดูแลผู้ป่วยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและระยะสุดท้าย ให้บริการแบบครบวงจร โดยมีเป้าหมายให้บริการรักษามะเร็งและรังสีรักษา ที่มีมาตรฐานสากลเพื่อชาวศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมให้บริการตั้งแต่

  • การตรวจวินิจฉัย (Diagnosis)
  • ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งทุกชนิด (Cancer Screening)
  • การรักษาด้วยรังสีรักษา (Radiation therapy)  
  • รักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) 
  • รักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) 
  • รักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
  • การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Palliative Care)

     อย่างไรก็ตามการรักษามะเร็งนั้นอาจเป็นวิธีการฉายแสงวิธีเดียวหรือหลายวิธีร่วมกับวิธีอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ชนิดของเซลล์มะเร็ง สภาพร่างกายของผู้ป่วย รวมไปถึงอายุและสุขภาพผู้ป่วยร่วมด้วย ซึ่งโรคมะเร็งมีโอการักษาให้หายขาดได้ หากรู้ตัวเร็ว และรักษากันตั้งแต่ต้น

 

แพทย์หญิง สุภัชชา เขียวหวาน  (แพทย์เฉพาะทางมะเร็ง  โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ)
ข้อมูล ณ เดือน พฤศจิกายน 2567



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์มะเร็งครบวงจร ศรีสะเกษ โรงพยาบาลพริ้นซ์ศรีสะเกษ

ศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ

สถานที่

เวลาทำการ

เบอร์ติดต่อ

045-96-8888

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์